วันที่ 23 สิงหาคม 2564 นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วย นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ และหน่วยงานต่างๆ จากทุกกระทรวง ร่วมด้วย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และ ผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ เข้าร่วมประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อถอดบทเรียน (After Action Review :AAR) การแก้ไขปัญหา หมอกควัน ไฟป่า และฝุ่นละออง ประจำปี 2565 ผ่านระบบการประชุมทางไกล (Video Conference) โดยมี พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม
การประชุมในวันนี้ ที่ประชุมได้มีการบูรณาการข้อมูล และข้อเสนอแนะแนวทางการปฏิบัติงานป้องกัน และแก้ไขในทุกมิติ จากการดำเนินงานในอดีต ที่ผ่านมา ของพื้นที่ กทม./ปริมณฑล พื้นที่ภาคเหนือ 17 จังหวัด และพื้นที่เสี่ยงอื่นๆทั่วประเทศ เพื่อควบคุมแหล่งกำเนิด และปริมาณฝุ่นละออง ไม่ให้สูงเกินเกณฑ์มาตรฐานและส่งผลกระทบ ต่อพี่น้องประชาชน
ทั้งนี้ ในปีนี้ พล.อ.ประวิตร ได้มอบนโยบายให้ทุกหน่วยงาน ยึดหลักการทำงานร่วมกัน คือ "ขยายผล พัฒนา ขจัดปัญหา" เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายเดียวกัน คือ การป้องกันสุขภาพ อนามัย ของประชาชนให้มีความปลอดภัยสูงสุด ครอบคลุมทุกพื้นที่ของประเทศ เน้นย้ำถึงการยกระดับ Single Command ที่ ผู้ว่าราชการจังหวัดต้องสามารถติดตามสถานการณ์ และสั่งการไปยังท้องถิ่นระดับล่าง ได้อย่างใกล้ชิด รวดเร็ว ประสานความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านตามแนวชายแดน โดยเฉพาะการควบคุมแหล่งกำเนิดการเผา มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดต่อยานยนต์ที่มีควันดำ ควบคุมและป้องกันการเผา/บุกรุกป่าเพื่อเพิ่มพื้นที่ผลผลิตทางการเกษตร ควบคุมโรงงานอุตสาหกรรมไม่ให้ปล่อยสารพิษออกสู่บรรยากาศ พัฒนาระบบคาดการณ์สภาวะอากาศ ที่มีการสะสมฝุ่นละอองล่วงหน้าให้ได้ 3-7 วัน รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านสาธารณสุขเพื่อการแจ้งเตือน และการรักษาผู้ป่วยจากฝุ่นละออง เป็นต้น
นอกจากนี้ พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวย้ำว่า การป้องกัน "หมอกควัน ไฟป่า และฝุ่นละออง" นับเป็นวาระแห่งชาติ ที่รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างยิ่ง การนำบทเรียนจากอดีต มาทบทวน แก้ไขแผนงาน จึงเป็นสิ่งที่จำเป็น และต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพื่อปรับปรุงแผนให้มีความทันสมัย และจะต้องมีการซักซ้อมแผน เพื่อให้สามารถปฏิบัติได้จริง ควบคู่มาตรการป้องกันโควิด-19 ด้วย โดยต้องนำผลสรุป "การถอดบทเรียน" ไปบูรณาการทำงานร่วมกัน และยึดหลักการ"ขยายผล พัฒนา ขจัดปัญหา" พร้อมขอให้มีการสร้างการรับรู้ ความเข้าใจ กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ เพื่อลดความตระหนก และสร้างความเชื่อมั่น ต่อไป