รมว.ทส. ตรวจเยี่ยม สผ. ให้นโยบาย ทบทวนการวิเคราะห์ EIA ทั้งระบบพร้อมเพิ่มมิติการมีส่วนร่วมของประชาชน
โพสเมื่อ : 24 ก.ค. 56 18:21:08

          เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2556 เวลา 14.00 น. นายวิเชษฐ์ เกษมทองศรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ย้ำผู้บริหารต้องดำเนินงานด้วยความโปร่งใสและตรวจสอบได้ พร้อมมอบนโยบายการประเมิน EIA ต้องดูแลผลกระทบต่อประชาชนเป็นหลัก สั่งการ พิจารณายกเครื่องทั้งระบบ ตั้งแต่การขึ้นทะเบียนผู้ชำนาญการ กระบวนการและระยะเวลาดำเนินการ รวมถึงการร้องเรียนและบทลงโทษ
          นายวิเชษฐ์ ได้ให้นโยบายในเรื่องหลักการทำงานของข้าราชการว่า ต้องทำงานด้วยความโปร่งใส โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการบริหารงบประมาณ การปฏิบัติหน้าที่ต้องชอบด้วยกฎหมาย เป็นธรรม ชัดเจน ตรวจสอบได้ ทุกหน่วยงานภายในกระทรวงต้องผสานการทำงานเป็นหนึ่งเดียวกัน ส่วนภายนอกต้องจับมือสร้างพันธมิตรทั้งภาครัฐ เอกชน และภาคประชาสังคมเพื่อประโยชน์ของประชาชน เน้นส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการบริหารจัดการข้อมูลและให้บริการ ประชาชน เช่น จัดทำ War Room เพื่อบริหารงานทั้งในภาวะปกติและภาวะวิกฤต ฯลฯ 
          นายวิเชษฐ์ ได้มอบนโยบายในเรื่องการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) และสนับสนุนการมีส่วนร่วมของประชาชนที่มีส่วนได้เสีย ให้มากขึ้นทุกขั้นตอน สำหรับโครงการหรือกิจการที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง (EHIA) โดยสั่งการให้พิจารณาปรับปรุงกระบวนการและขั้นตอนในการจัดทำรายงานฯ ทั้งระบบ ลดระยะเวลาของการพิจารณาให้สั้นลง แต่ยังคงเน้นเรื่องคุณภาพและความเข้มข้นในการตรวจสอบของโครงการไว้ รวมถึงให้เร่งแก้ไขปัญหาในกระบวนการ EIA Monitoring ทั้งในระหว่างการดำเนินโครงการและภายหลังโครงการแล้วเสร็จ ตามความเห็นของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) 
         นอกจากนี้ ยังให้ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการกำหนดมาตรการบังคับหรือใช้ อำนาจตามกฎหมายดำเนินการกับโครงการที่ต้องต่ออายุใบอนุญาตจัดทำรายงานฯ ส่วนในกรณีที่โครงการหรือกิจการที่มีการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมไว้แล้ว และสามารถใช้เป็นมาตรฐานกับโครงการหรือกิจการ ประเภทเดียวกัน ให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม แต่ยังคงต้องปฏิบัติตามมาตรฐานและจัดทำรายงานผลการดำเนินงาน ตาม พรบ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.2535 มาตรา 46 พร้อมกันนี้ได้สนับสนุนให้มีการสร้างบุคลากรผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรู้ความ สามารถเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการผู้ชำนาญการ และเลขาฯ คณะกรรมการผู้ชำนาญการ เพิ่มเติม เพื่อให้การพิจารณารายงานฯ มีความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
         สำหรับนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมที่จะต้องมีร่วมมือกับนานาชาติ ได้มอบหมายให้สำนักงานฯ ประสานความร่วมมือกับภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการกำหนดยุทธศาสตร์ในการบริหารจัดการด้านสิ่งแวด ล้อมอย่างยั่งยืน รวมถึงให้ทบทวนท่าทีด้านพรรณพืช สัตว์ป่า และสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย และพิจารณาแสดงเจตจำนงในการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจต่อ UNFCC - United Nations Framework Convention on Climate Change ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการกำหนดทิศทางของประเทศที่ชัดเจนต่อการดำเนินการในการ ลดก๊าซเรือนกระจกของทั้งภาครัฐและเอกชน
         ในส่วนของกองทุนสิ่งแวดล้อม ให้พิจารณาสนับสนุนการสร้างระบบการจัดการน้ำเสียในระดับท้องถิ่นและการ บริหารจัดการน้ำเสียในระดับลุ่มน้ำ รวมถึง สนับสนุนธุรกิจรีไซเคิลที่เกี่ยวข้องกับการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และโครงการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
         นายวิเชษฐ์ได้เน้นย้ำนโยบายให้กรมฯ สนับสนุนและส่งเสริมการพัฒนางานวิจัยที่ก่อให้เกิดประโยชน์ในเชิงเศรษฐกิจ และสังคม สามารถนำไปต่อยอด และแก้ไขปัญหาของชุมชนได้อย่างแท้จริง อีกทั้ง ส่งเสริมให้มีการบูรณาการงานวิจัยร่วมกับหน่วยงานในสังกัดกระทรวงฯ ในการกำหนดกลยุทธ์ ทิศทางงานวิจัยให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน เพื่อลดความซ้ำซ้อน และเป็นการบริหารงบประมาณร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ
         ในช่วงท้าย นายวิเชษฐ์ ยังมีนโยบายจัดทำ โครงการรางวัล "ดวงใจสีเขียว" เพื่อส่งเสริมให้เยาวชน ตัวบุคคล ชุมชนและในระดับองค์กร ร่วมกันอนุรักษ์ธรรมชาติ สานต่อเจตนารมณ์ "สืบ นาคะเสียร" และย้ำให้ทุกหน่วยงานในกระทรวงต้องทำงาน ตามแนวความคิด "ป้องกัน รักษา ฟื้นฟู” ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปรียบเสมือนสำนักงานฯ ที่มีภารกิจเกี่ยวกับการกำหนดนโยบายและแผนการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวด ล้อม โดยเสนอแนะนโยบายและแผนการอนุรักษ์และบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่ง แวดล้อม