การดูแลสุขภาพเนื่องจากควันไฟป่า
โพสเมื่อ : 20 ส.ค. 55

     

       ควันไฟป่าและหมอกควันจากไฟป่า ประกอบด้วยอะไร
          ควันไฟป่าเกิดจากการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์จึงมีเขม่าควันและก๊าซพิษต่างๆ เช่น ก๊าซคาร์บอน
      มอนนอกไซด์ ก๊าซไฮโดรเจนซัลไซด์ ก๊าซระเหยจากสารกลุ่มไฮโดรคาร์บอนต่างๆ ฯลฯ รวมทั้ง
      ฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 10 ไมโครเมตร ที่เรียกว่า พีเอ็มเท็น(PM10) ซึ่งเป็นขนาดที่เล็กพอที่จะ
      เข้าสู่ระบบทางเดินหายใจของคนได้ ฝุ่นละอองเหล่านี้จึงมีทั้งที่เป็นเขม่าควันธรรมดาหรืออาจ
      รวมตัวเป็นเขม่าควันที่มีสารประกอบจากสารเคมีอันตรายบางชนิดปนเปื้อนได้


     ควันไฟป่าและหมอกควันจากไฟป่า มีผลกระทบต่อสุขภาพอย่างไร ?
          - ฝุ่นละอองของคาร์บอนจะมีผลระคายเคืองระบบทางเดินหายใจ อันได้แก่ จมูก คอ หลอดลม
     และปอด ถ้าฝุ่นละออง ขนาดเล็กกว่า 10 ไมโครเมตร จะสามารถเข้าสู่ปอดได้ และมีผลทำให้ปอดอักเสบ
          - ก๊าซคาร์บอนมอนนอกไซด์ มีผลทำให้ขาดออกซิเจน
          - สารไดออกซิน ก๊าซจากสารอินทรีย์ระเหย และก๊าซโอโซน มีผลทำให้ระคายเคืองทางเดิน
      หายใจและทำให้ปอดอักเสบ และอาจทำให้เกิดมะเร็งได้ถ้าได้รับสารนี้นานๆหลายปี
          - ก๊าซไฮโดรเจนซัลไฟด์ จะมีผลระคายเคือง ทางเดินหายใจ ทำลายเนื้อเยื่อปอด อาจทำให้
      ปอดบวมน้ำได้และเมื่อผสมกับน้ำในร่างกายจะมีฤทธิ์เป็นกรด อย่างไรก็ตาม หากควันไฟและ
      หมอกควันดังกล่าว ลอยมาจากที่ไกล ฝุ่นละอองเขม่าควัน เถ้าลอยและก๊าซพิษก็จะเจือจาง
      เพราะเป็นกระแสลมพัด


     อาการผิดปกติที่อาจเกิดขึ้น เป็นอย่างไร ?

          - แสบตา ตาแดง
          - มีน้ำลายไหล น้ำมูกไหล
          - เจ็บคอ คออักเสบ
          - ไอ หายใจลำบาก
          - ในผู้ที่เป็นโรคหอบหืด โรคภูมิแพ้ โรคหัวใจ อาจมีอาการกำเริบได้
          - ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน

    ใครคือกลุ่มเสี่ยง ต่อผลกระทบต่อสุขภาพเนื่องจากควันไฟและหมอกควันไฟป่าที่ต้องดูแลสุขภาพมากเป็นพิเศษ ?
          กลุ่มเด็ก สตรีมีครรภ์ ผู้สูงอายุ ผู้ที่เป็นโรคหอบหืด โรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจและโรคปอด โรคภูมิแพ้ โรคหัวใจและ ผู้ที่ทำงานที่เสี่ยงต่อการได้รับฝุ่นละอองและหมอกควันอยู่แล้ว เช่น คนงานในโรงงานโม่หิน คนงานก่อสร้าง ที่อยู่ในบริเวณที่มีควันและหมอกควันจากไฟป่า

     ประชาชนจะดูแลป้องกันสุขภาพตนเองได้อย่างไร?

  1. ถ้าอยู่ในบริเวณที่มีควันไฟและหมอกควันให้ใช้หน้ากากอนามัยหรือผ้าที่ทำด้วยฝ้ายหรือ
    ลินินพันหลายทบมาคาดปากและ จมูกป้องกันควันไฟ และอาจพรมน้ำที่ผ้าดังกล่าวหมาด ๆ เพื่อซับกรองก๊าซได้มากขึ้น
  2. ผ้าที่ใช้คาดปากและจมูก และ/หรือหน้ากากป้องกันที่ใช้นั้น ถ้าสกปรกหรือเริ่มรู้สึกอึดอัด หายใจไม่สะดวก ซึ่งอาจเนื่องจากเขม่าควันเกาะติดอยู่จำนวนมากควรเปลี่ยนใหม่
  3. บริเวณที่อยู่อาศัยที่ไม่มีระบบระบายอากาศ ระบบปรับอากาศ ต้องปิดประตูหน้าต่างไม่ให้ควัน เข้ามาในอาคาร และ พยายามไล่ควันออกจากบ้านเรือน เช่น เป่าพัดลมในทางเดียวให้ควัน ดังกล่าวออกจากบ้านเรือนสู่ภายนอก
  4. ในห้องเรียน ศูนย์เลี้ยงเด็ก สถานพยาบาล ศูนย์การค้า หรืออาคารขนาดใหญ่ที่ต้องมีที่กรอง อากาศจากภายนอกอาคารเข้าสู่ในอาคารมีการเปลี่ยน/ล้างระบบกรองอากาศเป็นประจำ
  5. ไม่เผาสิ่งใดที่เป็นการเพิ่มหมอกควันมากยิ่งขึ้น
  6. คอยดูแลผู้ที่อยู่ในบ้านโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เด็ก ผู้สูงอายุ ผู้ที่เป็นโรคหอบหืด โรคหัวใจ ผู้พิการ และ/หรือผู้ที่ไม่สามารถ ช่วยตัวเองได้ โดยพาออกจากที่ที่มีหมอกควันมากหาก มีอาการผิดปกติให้นำส่งแพทย์
  7. คอยฟังข่าวเตือนภัย เพื่อดูและป้องกันตนเองให้ห่างจากสถานที่ที่มีภัยจากหมอกควัน ดังกล่าว
  8. ถ้ามีอาการผิดปกติในกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ มีไข้สูง,ไอ,เจ็บอก ให้รีบพบแพทย์เพื่อ ทำการรักษา

ค่ามาตรฐานสำหรับ PM 10

ค่าปกติ < 120 ไมโครกรัม ต่อ ลบ.ม.
มีผลกระทบต่อสุขภาพกลุ่มเสี่ยง 120-130 ไมโครกรัม ต่อ ลบ.ม.
กระทบบุคคลทั่วไป >300 ไมโครกรัม ต่อ ลบ.ม.

 
     ต้องการข้อมูลเพิ่ม ติดต่อที่
          - สำนักโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมโรคกระทรวงสาธารณสุข
     ถ.ติวานนท์ อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000 โทร. 02 590 4380, 02 591 8172 โทรสาร 02 590 4388
          - สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 1-12
          - โรงพยาบาลศูนย์และโรงพยาบาลทั่วไป
          - สำนักงานสาธารสุขจังหวั