แอมโมเนียกับการรักษาสภาพน้ำยาง
โพสเมื่อ : 29 มี.ค. 53

ยางพาราเป็นพืชเศรษฐกิจของไทย  โดยเป็นประเทศผู้ผลิตและส่งออกยางธรรมชาติอันดับ 1 ของโลก  มีการผลิตประมาณปีละ 3 ล้านตัน  หรือร้อยละ 36 ของปริมาณการผลิตของโลก  น้ำยางที่กรีดได้จากต้น  เรียกว่า  น้ำยางสด  ซึ่งถูกนำไปผ่านกระบวนการปั่นเหวี่ยงให้ได้น้ำยางข้นเพื่อสะดวกกับการเก็บรักษาและขนส่ง  ปัจจุบันมีโรงงานผลิตน้ำยางข้นอยู่  77 โรง  น้ำยางข้นส่วนใหญ่ส่งออกตลาดต่างประเทศ  ส่วนที่เหลือนำไปใช้วัตถุดิบเพื่อผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ยางที่มีมูลค่าสูงขึ้น  ได้แก่  ถุงมือยาง  และยางยืด  เป็นต้น

                น้ำยางสดหลังกรีดจากต้นคงสภาพเป็นน้ำยางอยู่ได้ไม่เกิน 6 ชั่วโมง  เพราะแบคทีเรียเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว  ทำให้เกิดกรด  น้ำยางเกิดการเสียสภาพ  อนุภาคยางรวมตัวกันเป็นก้อน  และเกิดการบูดเน่ามีกลิ่นเหม็น  ในการผลิตน้ำยางข้นจึงต้องใช้สารรักษาสภาพ  ทั้งในส่วนของน้ำยางสดก่อนการแปรรูปและน้ำยางข้นหลังการแปรรูปโดยแอมโมเนีย ซึ่งระเหยง่ายและมีกลิ่นรุนแรงมาก  เมื่อระเหยสู่บรรยากาศทำให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม  น้ำยางที่อยู่ระหว่างการเก็บรักษามีคุณสมบัติไม่คงที่  และการใช้แอมโมเนียปริมาณมากในการยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียก่อให้เกิดปัญหาในการแปรรูปน้ำยางด้วย  ดังนั้นการพัฒนาหาสารเคมีที่ช่วยในการรักษาสภาพของน้ำยางชนิดใหม่ทดแทนแอมโมเนียจึงเป็นสิ่งสำคัญ