โรคที่ต้องระวังในภาวะน้ำท่วม
โพสเมื่อ : 11 ต.ค. 54

ในภาวะน้ำท่วมอาจมีความเสี่ยงในการเกิดโรคต่อไปนี้เพิ่มมากขึ้น ได้แก่

  • โรคติดต่อเนื่องจากน้ำไม่สะอาด ได้แก่ ไทฟอยด์ อหิวาห์ โรคฉี่หนู และไวรัสตับอักเสบ เอ 

  • โรคติดต่อเนื่องจากมีแมลงเป็นพาหะ ได้แก่ ไข้มาลาเรีย ไข้เลือดออก
  • อุบัติเหตุ และการบาดเจ็บต่าง ๆ เช่นการจมน้ำ

โรคติดต่อเนื่องจากน้ำไม่สะอาด Water-borne diseases

 ภาวะน้ำท่วม จะสัมพันธ์กับความเสี่ยงในการติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น ยิ่งถ้าเกิดขึ้นในชุมชนใหญ่
หรือขาดแคลนน้ำสะอาด เนื่องจากน้ำดื่มที่ไม่สะอาดและติดเชื้อ น้ำที่ไม่สะอาดอาจจะทำให้
เกิดการติดเชื้อได้ ไม่ว่าจะเป็นผิวหนังอักเสบ แผลติดเชื้อ ตาอักเสบ หรือการติดเชื้อทางเดินอาหาร

เชื้อโรคที่สามารถติดต่อทางน้ำได้แก่

  1. เชื้อไวรัส เช่น เชื้อไวรัสตับอักเสบ A หรือเชื้อโปลิโอ
  2. เชื้อ แบคทีเรีย เช่น เชื้อ อหิวาต์ ไทฟอยต์ เชื้อ Coliform  ที่ทำให้มีอาการท้องเสีย
  3.  เชื้อโปรโตซัว เช่น  cryptosporidiosum, amebae, giardia

ส่วนใหญ่แล้วการติดต่อเชื้อโรคจะมาจากการดื่มน้ำที่ไม่สะอาด แต่มีบางโรคที่สามารถระบาด
ได้มากโดยการติดต่อทางการสัมผัสทางผิวหนังเช่น โรคฉี่หนู leptospirosis  ซึ่งเป็นแบคทีเรีย
ชนิดหนึ่งที่สามารถติดต่อผ่านทางผิวหนังหรือเยื่อของร่างกายที่สัมผัสกับน้ำที่ปนเปื้อนจากฉี่หนู
หรือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ติดเชื้อ แบบที่เคยมีการระบาดในประเทศไทยในปี 2000

 

 

Leptospirosis หรือโรคฉี่หนู

        เป็นโรคติดเชิ้อที่เกิดจากเชื้อชื่อ leptospira ซึ่งหากติดเชื้อคนไข้จะมีอาการไข้สูง ปวดหัวมาก ปวดเมื่อยตามตัว ถ้าเป็นรุนแรงอาจจะมีอาการตัวเหลืองตาเหลือง ตับวาย ไตวาย หรือระบบทางเดินหายใจล้มเหลวได้ หากมีอาการดังกล่าวควรรีบไปพบแพทย์โดยด่วน

ผู้ได้รับเชื้ออาจจะมีอาการหลังได้รับเชื้อ 2 – 4 วันอาการที่เริ่มต้นอาจจะมีไข้เฉียบพลัน ระยะแรกจะ
มีอาการไข้ หนาวสั่น ปวดหัว ปวดตามตัว คลื่นไส้ และท้องเสีย อาการอาจจะดีขึ้นได้เอง และจะกลับ
มามีอาการอีกรอบและรุนแรงขึ้นหากไม่ได้รับการรักษา อาการจะมีได้ตั้งแต่ไม่กี่วันจนถึงเป็นเดือน
บางคนอาจจะหายได้เอง แต่ใช้เวลาเป็นเดือน แต่ถ้ามีอาการรุนแรงอาจจะถึงแก่ชีวิตได้

การรักษาคือการให้ยาแก้อักเสบเช่น Doxycycline หรือ penicillin ฉีดเข้าเส้นเลือด

ดังนั้นหากมีไข้ควรรีบพบแพทย์เพื่อทำการตรวจและให้การรักษา

 

ไวรัสตับอักเสบ A เป็นโรคที่มีอาการอักเสบของตับ เกิดจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ A จาก
การรับประทานอาหารหรือน้ำที่ปนเปื้อน ระยะฟักตัวประมาณ 15-45 วันก่อนจะมีอาการ อาการเริ่ม
ต้นจะมีอาการปวดเมื่อยตามตัว ไม่อยากอาหาร คลื่นไส้ ไข้ต่ำ ๆ อุจจาระสีซีด และปัสสาวะสีเข้ม
มีอาการตัวเหลืองตาเหลืองดีซ่าน แพทย์จะทำการตรวจเลือดเพื่อยืนยันการติดเชื้อ และให้การ
รักษาโดยการพัก ให้น้ำเกลือ หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์และอาหารมัน การพักฟื้นอาจจะใช้เวลา
ประมาณ 3-6 เดือน สำหรับไวรัสตับอักเสบ A สามารถป้องกันได้โดยการฉีดวัคซีน

 

 

การป้องกันโรคติดเชื้อที่มาจากน้ำ

ส่วนใหญ่แล้วโรคกลุ่มนี้จะมาจาการปนเปื้อนของอาหารและน้ำ ดังนั้นการป้องกันคือการพยายามดื่มน้ำ
ที่สะอาด และต้องพยายามดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อป้องกันร่างกายขาดน้ำ

  • ดื่มน้ำที่สะอาด
  • ใช้น้ำที่ต้มสุก หรือผ่านคลอรีน
  • ถ้ามีอาการท้องเสียขาดน้ำ ควรดื่มน้ำเกลือแร่เสริม
  • หากมีอาการไข้ หรืออาการผิดปกติควรพบแพทย์
  • สามารถใช้ยาลดไข้ บรรเทาอาการไข้ได้
  • ล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่และน้ำสะอาด
  • ทำความสะอาดอาหารและปรุงอาหารให้สุกทุกครั้ง

โรคติดต่อที่เกิดขึ้นจากแมลงเป็นพาหะ Vector-borne diseases

ภาวะน้ำท่วมจะทำให้แมลงที่เป็นพาหะของโรคต่าง ๆ เพิ่มจำนวนมากขึ้น เช่นยุงลาย ทำให้เสี่ยงต่อ
การระบาดของไข้เลือดออก หรือในป่า มียุงก้นป่อง ที่ทำให้เกิดไข้มาลาเรียซึ่งอาจจะเกิดขึ้นหลังจาก
การเกิดน้ำท่วมประมาณ 6 สัปดาห์

สำหรับเรื่องไข้เลือดออก สามารถอ่านรายละเอียดได้ในบทความที่หมอหมีเคยเขียน

ตาม link นี้นะครับ http://www.facebook.com/note.php?note_id=150783751621364

 

โรคอื่น ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในภาวะน้ำท่วม 

  • เรื่องของอุบัติเหตุ ไม่ว่าจะเป็นการจมน้ำ หรืออุบัติเหตุการบาดเจ็บอื่น ๆ ถ้ามีบาดแผลอย่าลืมฉีดวัคซีนป้องกันบาดทะยัก และรับยาแก้อักเสบเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
  • ภาวะอุณหภูมิในร่างกายต่ำผิดปกติ hypothermia มักจะพบในเด็กเล็ก ถ้าติดอยู่ในน้ำเป็นเวลานาน ๆ  และทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อทางเดินหายใจมากขึ้น

 

ที่มา : http://www.facebook.com/notes/drcarebear-samitivej/โรคที่ต้องระวังในภาวะน้ำท่วม/159491650750574