4.การซักผ้า 
การซักผ้าที่ถูกวิธีทำให้งานซักผ้าอาจเป็นกิจกรรมอย่างหนึ่งที่ทำให้เราสนุกสนาน ช่วยให้ปลอดภัย และประหยัดได้อย่างแปลกใจ การซักผ้าปกตินอกเหนือจากเทคนิคพิเศษ เช่นการซักแห้งควรปฏิบัติตามขั้นตอนต่อไปนี้
ควรมีจำนวนผ้าที่ซักประมาณ 15-20 ชิ้น ถ้าจำนวนมากเกินหรือน้อยเกินไป ทำให้เกิดความสิ้นเปลืองหลายประการ ถ้าจำนวนพอเหมาะพอดี โดยเฉพาะซักมือเป็นการออกกำลังกายที่ดี
คัดเลือกแยกประเภทของผ้าที่ซัก เช่น ผ้าหนาหรือผ้าบาง ผ้าสกปรกมากหรือสกปรกน้อย สีตกหรือไม่ตก ต้องใช้ผงซักฟอกตามปริมาณพอดีกับผ้าที่จะซัก เติมน้ำใส่ผงซักฟอกไว้ประมาณ 3 นาที ไม่ควรใช้มือตีผงซักฟอกทันที เสื้อผ้าที่สกปรกน้อยสีไม่ตก แช่ในน้ำผงซักฟอก 10-15 นาที และขยี้ผ้าเบาๆ แล้วจึงนำออกไปซักในน้ำผงซักฟอกอีกใบหนึ่ง อาจแปรงผ้าเบาๆ บริเวณที่ความสกปรกยังเกาะติดอยู่
ใช้มือลูบให้ผงซักฟอกออก แล้วล้างในน้ำสะอาด 1-2 ครั้ง ยกผ้าให้น้ำไหลคืนสู่ภาชนะ แล้วนำไปแขวนตากหรือผึ่งลม ไม่ควรตากผ้าในที่แสงแดดแผดกล้านานเกินไป
ผ้าที่สกปรกน้อย นำไปซักในภาชนะน้ำผงซักฟอกที่ 2 และนำผ้าสกปรกมาก แช่ไว้ในภาชนะน้ำผงซักฟอกที่ 1 เมื่อซักผ้าสกปรกน้อยแล้วจึงซักผ้าที่สกปรกมากตาม
เมื่อใช้น้ำยาปรับสภาพผ้า ใช้ในการซักน้ำขั้นตอนสุดท้าย ส่วนผ้าสีตกควรเติมเกลือ หรือน้ำส้มสายชูเล็กน้อย จะช่วยให้สีผ้าดูสดใสขึ้น
น้ำผงซักฟอกที่เหลือในภาชนะที่ 1 และ 2 ใช้กับผ้ากันเปื้อนอื่นๆ อาจเป็นผ้าเช็ดเท้าหรือผ้าถูบ้าน อาจใช้น้ำที่เหลือขัดพื้นก็ได้
การซักผ้าด้วยเครื่องซักผ้า มีหลักการคัดเลือกผ้าและจัดแยกประเภทเช่นเดียวกับการซักผ้าด้วยมือ เลือกใช้ระบบหรือ รายการซักที่เหมาะสม กับคุณสมบัติของผ้า จำนวนผ้า และความสกปรก การใช้ผงซักฟอกหรือน้ำยาซักฟอกต้องมีปริมาณพอดี
เครื่องซักผ้าที่ปรับอุณหภูมิได้ ต้องปรับให้พอดีเพื่อช่วยให้ถนอมเนื้อผ้า ลดค่าไฟฟ้าและช่วยให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
ผ้าที่ตาก หรือผึ่งไว้เกือบแห้งแล้ว พอมีความชื้นอยู่บ้าง ก็ควรนำไปรีดถ้าใช้น้ำยาผ้าเรียบก็จะไม่เกิดคราบน้ำยาจับ
การรีดผ้า รีดจากผ้าบางๆ ใช้ความร้อนต่ำๆ เรื่อยไปจนถึงผ้าหนา ใช้ความร้อนเพิ่ม เมื่อใกล้เสร็จแล้วดึงปลั๊กออก ใช้ ความร้อนที่สะสมไว้ในเตารีด ไม่ควรรีดผ้าในปริมาณมากเกินไปหรือน้อยเกินไป
|