
A:
ในปัจจุบันปัญหาที่พบได้บ่อยครั้งในพื้นที่กำจัดขยะมูลฝอย คือ ปัญหาการถ่ายเทขยะมูลฝอยจากรถเก็บขนขยะมูลฝอยสู่พื้นที่กำจัดขยะ
มูลฝอย โดอยพบว่า ไม่มีการกำหนดพื้นที่ชัดเจร อีกทั้งไม่มีการควบคุมพนักงานขับรถเก็บขนขยะมูลฝอยให้ขนถ่ายขยะมูลฝอยให้ตรงจุด
กำจัด ซึ่งบางครั้งถ่ายเทลงบริเวณถนนทางเข้า ทำให้ขยะมูลฝอยกระจัดกระจายทั่วบริเวณก่อให้เกิดปัญหาอื่นๆ ตามมา… รายละเอียด
คู่มือ 20 ปัญหาที่พบบ่อยในระบบฝังกลบขยะมูลฝอยอย่างถูกหลักวิชาการ (Landfill Q-20)
คู่มือ 20 ปัญหาที่พบบ่อยในระบบฝังกลบขยะมูลฝอยอย่างถูกหลักวิชาการ (Landfill Q-20)
คู่มือ “20 ปัญหาที่พบบ่อยในระบบฝังกลบขยะมูลฝอยอย่างถูกหลักวิชาการ ” จัดทำขึ้นเพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหรือหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องสามารถนำไปใช้แก้ไขปัญหาการจัดการมูลฝอยขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหรือหน่วยงานที่เป็นเจ้าของพื้นที่ได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทางกรมควบคุมมลพิษจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นประโยชน์ต่อหน่วยงานหรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการมูลฝอยอย่างถูกหลักวิชาการจะนำไปใช้เป็นข้อมูลหรือแนวทางในการปรับปรุงและแก้ไขปัญหาในการเดินระบบให้มีประสิทภาพต่อไป
ซึ่งเนื้อหาในหนังสือเล่มนี้จะประกอบด้วย
![]() |
ปัญหาที่1 ถ่ายเทขยะมูลฝอย(Unloading) ลงสู่บ่อฝังกลบ |
![]() |
ปัญหาที่2 การฝังกลบรายวันที่ไม่มีประสิทธิภาพ |
![]() |
ปัญหาที่3 การเลือกเครื่องจักรกลไม่เหมาะสมกับงาน |
![]() |
ปัญหาที่4 การฝังกลบในฤดูฝน |
![]() |
ปัญหาที่5 การฝังกลบในที่ลาดชัน |
![]() |
ปัญหาที่6 พื้นที่ฝังกลบใกล้เต็ม |
![]() |
ปัญหาที่7 ระบบรวบรวมน้ำชะมูลฝอยล้มเหลว |
![]() |
ปัญหาที่8 น้ำชะมูลฝอยจากบ่อฝังกลบปนเปื้อนลงสู่แหล่งน้ำผิวดิน |
![]() |
ปัญหาที่9 น้ำชะมูลฝอยจากบ่อฝังกลบปนเปื้อนลงสู่แหล่งน้ำใต้ดิน |
![]() |
ปัญหาที่10 น้ำจากภายนอกระบบเข้าสู่พื้นที่ฝังกลบขยะมูลฝอย |
![]() |
ปัญหาที่11 ปัญหาที่พบบ่อยในบ่อบำบัดน้ำชะมูลฝอย |
![]() |
ปัญหาที่12 การติดตามตรวจสอบคุณภาพน้ำใต้ดิน |
![]() |
ปัญหาที่13 ก็าชจากบ่อฝังกลบขยะมูลฝอย |
![]() |
ปัญหาที่14 ผลกระทบจากกลิ่นและแมลง |
![]() |
ปัญหาที่15 ฝุ่นละอองและเศษขยะมูลฝอยตกหล่นระหว่างการขนส่ง |
![]() |
ปัญหาที่16 ผลกระทบจากเสียง |
![]() |
ปัญหาที่17 ไฟไหม้ในบ่อฝังกลบ |
![]() |
ปัญหาที่18 บุคลากรและเครื่องจักรอุปกรณ์ไม่เพียงพอ |
![]() |
ปัญหาที่19 การขาดแคลนงบประมาณ |
![]() |
ปัญหาที่20 ความปลอดภัยในการปฏิบัติงานบนพื้นที่ฝังกลบ |
![]() |
เอกสารอ้างอิง |
![]() |
ภาคผนวก ก. |
![]() |
ภาคผนวก ข. |
ขนาดไฟล์:8.88 Mb | ประเภทไฟล์: .pdf | ดาวน์โหลด: 7 ครั้ง
A :
สถานที่รับจัดการของเสียอันตราย ในปัจจุบันเป็นของภาคเอกชน แต่ต้องได้รับอนุญาติให้ประกอบกิจการจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมก่อนดำเนินการ ตัวอย่างเช่น (ข้อมูลเมื่อพฤศจิกายน 2550)
1.1 บริษัท บริหารและพัฒนาเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม จำกัด (มหาชน) โทร. 0 2502 0998-9
1.2 บริษัท เบตเตอร์ เวิลดิ์ กรีนจำกัด (มหาชน) โทร. 0 2731 2574
1.3 บริษัท โปรเฟสชันแนล เวสต์ เทคโนโลยี (1999) จำกัด (มหาชน) โทร. 0 2261 3721-3
2.1 บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (โรงงานแก่งคอย) โทร. 0 3624 5428-9,0 3635 7102
2.2 บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (โรงงานท่าหลวง) โทร. 0 3635 1200-9
2.3 บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (โรงงานเขาวง) โทร. 0 3633 4710-1
2.4 บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (โรงงานลำปาง) โทร. 0 5427 1501
2.5 บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (โรงงานทุ่งสง) โทร. 0 7553 8111
2.3 บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวงไทย จำกัด โทร. 0 2797 7000
2.4 บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) โทร. 0 3633 9228
3.1 เทศบาลนครเชียงใหม่ โทร. 053 – 259000
3.2 เทศบาลเมืองสุพรรณบุรี โทร. 035- 511021 ต่อ 110
3.3 องค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรี โทร. 02-5913383
3.4 กรุงเทพมหานคร โทร. 02-658 5858
3.5 เทศบาลนครสมุทรสาคร โทร. 034-411208
3.6 เทศบาลนครภูเก็ต โทร. 0-7621-2196, 0-7621-3551
3.7 เทศบาลนครอุดรธานี โทร. 042-325176-85
3.8 เทศบาลนครขอนแก่น โทร. 043-221202, 043-224818
3.9 เมืองพัทยา โทร. 038-253100
3.10 เทศบาลนครหาดใหญ่ โทร. 074-200000
3.11 เทศบาลนครพิษณุโลก โทร. 0-5523-1400 ต่อ 104-110
4.1 บริษัท เทคโนเคม จำกัด โทร. 0 2918 1066
4.2 บริษัท ซิต้า ไทย เวสท์ แมเนจเมนต์ เซอร์วิส จำกัด
4.3 บริษัท อุตสาหกรรมน้ำมันไทย จำกัด
4.4 บริษัท เอเชี่ยน พีวีเอส เคมีคัล จำกัด โทร. 0 3857 0441
4.5 บริษัท เอเชี่ยน เคมีคอล จำกัด โทร. 0 3857 0441
4.6 บริษัท สุวรรณมงคล ออยส์ จำกัด
4.7 บริษัท ซีเค รีเจน ชีสเต็มส์ จำกัด
4.8 บริษัท เอเชีย รีไฟนิ่ง จำกัด
4.9 ห้างหุ้นส่วนจำกัด วริศ โลหะกิจ โทร. 0 3896 8155
4.10 บริษัท ระยองเวสต์ จำกัด โทร. 0 3896 8155
4.11 บริษัท แวกซ์ กาเบ็จ รีไซเคิล เซ็นเตอร์ จำกัด โทร. 0 3271 130
4.12 ห้างหุ้นส่วนจำกัด สุขเจริญทรัพย์ รีไซเคิล
4.13 บริษัท เอ เค เอ็นไวรอนเมนทอล อัลไลแอนซ์ จำกัด
4.14 บริษัท รีไซเคิลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด โทร. 0 2749 9650
4.15 บริษัท รีฟายน์เทค จำกัด
4.16 บริษัท ไทย ซีซิง จำกัด โทร. 0 3442 3603
4.17 บริษัท ส.เจริญ ไทย รีไซเคิล จำกัด
4.18 บริษัท เอส พี วี ปิโตรเลียม จำกัด
4.19 บริษัท เวสท์ รีโคเวอรี่ จำกัด
สำหรับโรงงานรับจัดการของเสียอันตรายด้วยวิธีการอื่น ๆ ที่ได้รับอนุญาตจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่สำนักโรงงานอุตสาหกรรมรายสาขา 6 โทร 0 2202 4065,68 หรือ ตรวจสอบรายชื่อโรงงานตามประเภทโรงงานอุตสาหกรรมได้ที่ http://www.diw.go.th/diw_web/html/versionthai/data/Download_fac2.asp
A : ปรอท (Mercury) จัดเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 หมายความว่า การผลิต การนำเข้า การส่งออก หรือการมีไว้ครอบครองต้องได้รับอนุญาตจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมปรอทมีผลกระทบต่อสุขภาพเมื่อร่างกายได้รับสัมผัสปรอท และก่อให้เกิดการสะสมในร่างกายได้ ปรอทมีความเป็นพิษมากต่อสิ่งมีชีวิตที่อาศัยในน้ำ และอาจมีผลเสียระยะยาวต่อระบบนิเวศในน้ำ
การได้รับปรอท
|
อันตรายต่อสุขภาพอนามัย
|
สัมผัสทางหายใจ | การหายใจเข้าไป ทำให้เกิดการระคายเคืองทางเดินหายใจรุนแรง มีอาการเจ็บคอ ไอ เจ็บปวด เจ็บหน้าอก หายใจติดขัด ปวดศีรษะ กล้ามเนื้ออ่อนล้า หลอดลมอักเสบ ปอดอักเสบ |
สัมผัสทางผิวหนัง | การสัมผัสถูกผิวหนัง สามารถดูดซึมผ่านผิวหนังได้ เป็นผื่นแดงและทำให้ปวดแสบปวดร้อน |
กินหรือกลืนเข้าไป | การกินหรือกลืนเข้าไป ทำให้แสบไหม้ปาก หลอดอาหาร ทำให้เป็นแผล มีอาการปวดท้อง อาเจียน และท้องร่วง ทำให้หัวใจเต้นอ่อนลง |
สัมผัสถูกตา | การสัมผัสถูกตา ทำให้แสบไหม้ เป็นตาแดง และเจ็บปวด ทำให้การมองเห็นไม่ชัดเจน |
การก่อมะเร็ง | สารนี้มีผลทำลายระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้ความจำเสื่อม บุคลิกภาพ และพฤติกรรมเปลี่ยน กระเพาะอาหารและลำไส้ผิดปกติ ผื่นแดง ทำลายสมองและไต |
การกำจัดกรณีรั่วไหล (Leak and Spill)
- ห้ามสูดดมไอระเหยของปรอท ไม่ควรสัมผัสกับสาร หากทำงานในห้องปิด ต้องแน่ใจว่ามีแหล่งอากาศบริสุทธิ์เพียงพอ
- ทำความสะอาดโดยสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันอันตรายที่เหมาะสม
- ให้ใช้การ์ดพลาสติก หรือกระดาษแข็ง ตักปรอทที่หกรั่วไหลและะเก็บไว้ในภาชนะบรรจุที่แห้งและปิดมิดชิด เช่น ขวดแก้ว หรือใส่ถุงพลาสติกประมาณ 2 – 3 ชั้น ก่อนนำไปกำจัด
- สถานที่ทิ้ง สามารถนำไปทิ้งไว้ในภาชนะที่สถานพยาบาลหรือโรงพยาบาล เพื่อรวบรวมไว้กับอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ชำรุดเพื่อรอกำจัดโดยสถานพยาบาลต่อไป หากไม่สะดวกหรือจำเป็นต้องทิ้งลงถังขยะภายในบ้านหรือที่ทิ้งขยะ ควรบรรจุในภาชนะหรือใส่ถุง และเขียนกำกับว่าเป็น “ของเสียอันตราย” โดยใส่ถุงแยกออกจากขยะทั่วไป เพื่อให้หน่วยงานที่รับผิดชอบการจัดการขยะนำไปกำจัดได้อย่างถูกวิธีตามหลักวิชาการต่อไป
- ป้องกันไม่ให้สารเคมีที่หกรั่วไหล ไหลลงสู่ท่อระบายน้ำ แม่น้ำ และแหล่งน้ำอื่น ๆ
- ให้ดูดซับส่วนที่หกรั่วไหลด้วยซัลเฟอร์ หรือแคลเซียม โพลีซัลไฟด์ เพื่อป้องกันอันตรายของปรอท
- การพิจารณากำจัด ให้ปฏิบัติตามกฎระเบียบที่ทางราชการกำหนด
อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล
ควรสวมใส่ชุดป้องกันที่เหมาะสมกับบริเวณทำงาน โดยพิจารณาจากความเข้มข้นและปริมาณสารอันตรายที่ใช้ ควรมีการตรวจสอบความทนทานต่อสารเคมีของชุดป้องกันโดยตัวแทนจำหน่าย
![]() |
![]() |
หน้ากากป้องกันการหายใจ
|
ถุงมือ
|
![]() |
![]() |
ชุดป้องกันสารเคมี
|
แว่นตานิรภัย
|
สุขอนามัยทางอุตสาหกรรม ให้เปลี่ยนเสื้อผ้าที่เปื้อนสารเคมีทันที ทาครีมป้องกันผิวหนัง ล้างมือและหน้าหลังจากการใช้สาร ทำงานภายใต้ตู้ควัน ห้ามสูดดมสาร ห้ามกินอาหาร/ดื่มในบริเวณทำงาน
การปฐมพยาบาล (First Aid)
การได้รับปรอท
|
การปฐมพยาบาล
|
หายใจเข้าไป | ถ้าหายใจเข้าไป ให้เคลื่อนย้ายผู้ป่วยออกสู่บริเวณที่มีอากาศบริสุทธิ์ ถ้าผู้ป่วยหยุดหายใจ ให้ช่วยผายปอด ถ้าหายใจลำบาก ให้ออกซิเจนช่วย นำส่งไปพบแพทย์ทันที |
กินหรือกลืนเข้าไป | ถ้ากินหรือกลืนเข้าไป กระตุ้นให้เกิดการอาเจียนทันที ห้ามไม่ให้สิ่งใดเข้าปากผู้ป่วยที่หมดสติ ให้ส่งไปพบแพทย์ทันที |
สัมผัสถูกผิวหนัง | ถ้าสัมผัสถูกผิวหนัง ให้ฉีดล้างผิวหนังทันทีด้วยน้ำปริมาณมากอย่างน้อย 15 นาที พร้อมถอดเสื้อผ้าและรองเท้าที่ปนเปื้อนสารเคมีออก ส่งไปพบแพทย์ทันที ซักทำความสะอาดเสื้อผ้าก่อนนำกลับมาใช้ใหม่ |
สัมผัสถูกตา | ถ้าสัมผัสถูกตา ให้ฉีดล้างตาทันทีด้วยน้ำปริมาณมากอย่างน้อย 15 นาที กระพริบตาถี่ ๆ นำส่งไปพบแพทย์ทันที |
การเกิดอัคคีภัยและการระเบิด (Fire and Explosion)
ปรอทไม่ลุกไหม้ติดไฟ และเกิดการระเบิดที่เป็นอันตรายกรณีเกิดเพลิงไหม้ ให้เลือกใช้สารดับเพลิง/วิธีการดับเพลิงที่เหมาะสมสำหรับวัสดุที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง ป้องกันมิให้น้ำที่ใช้ดับเพลิงไหลลงแหล่งน้ำบนดินหรือใต้ดิน ผู้ดับเพลิงต้องสวมใส่อุปกรณ์ช่วยหายใจชนิดมีถังในตัว (SCBA) เปลวไฟในบริเวณใกล้เคียงอาจทำให้เกิดไอระเหยของปรอทและปรอทออกไซด์
A : สัดส่วนองค์ประกอบขยะของขยะมูลฝอยประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ เป็นพวก เศษอินทรีย์ เศษอาหาร ซึ่งหากสามารถนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์โดยการเป็นปุ๋ยอินทรีย์ (สารบำรุงดิน) จะช่วยในการลดปริมาณขยะมูลฝอยที่ต้องกำจัดโดยวิธีอื่นปุ๋ยหมัก (สารบำรุงดิน) ที่ได้จากการหมักขยะมูลฝอยอินทรีย์ สามารถนำมาประโยชน์ได้หลายแนวทาง ซึ่งแยกได้ดังนี้
- เป็นแหล่งอาหารของจุลินทรีย์ในดิน
- ช่วยลดปริมาณเชื้อโรคพืชบางชนิดในดิน
- ช่วยปรับสภาพความเป็นกรด-ด่าง (pH) ของดิน
- ช่วยในการปรับปรุงสภาพดิน
โดยช่วยเพิ่มอินทรีย์วัตถุและธาตุอาหาร ทำให้ดินมีคุณสมบัติเหมาะต่อการเจริญเติบโตของพืช ส่งผลทำให้ผลผลิตสูงขึ้น ปุ๋ยหมักช่วยทำให้ดินมีคุณสมบัติเหมาะแก่การเพาะปลูก ดังนี้
การใช้ประโยชน์ของปุ๋ยหมัก
1.การใช้ปุ๋ยหมักกับการปลูกพืช ผัก และไม้ดอก ในแปลงปลูก เตรียมแปลงตามความต้องการ และโรยปุ๋ยหมักให้ทั่วแปลง หนาประมาณ 2-4 เซนติเมตร ใช้จอบสับคลุกเคล้าให้ลึกประมาณ 20 เซนติเมตร และรดน้ำให้ทั่วแปลง หมักดินไว้ประมาณ 1 สัปดาห์ หลังจากนั้นจึงนำพืชมาปลูกได้
2.การใช้ปุ๋ยหมักกับการปลูกพืชในกระถางผสมปุ๋ยหมักกับดินร่วนในอัตราส่วน 1:5 โดยปริมาตร รดน้ำให้ชุ่มและทิ้งไว้ประมาณ 1 สัปดาห์ แล้วจึงนำใส่ภาชนะหรือกระถางเพื่อปลูกพืชต่อไป
3.การใช้ปุ๋ยหมักกับพืชไร่และไม้ผล
สามารถทำได้ 2 ระยะ คือระยะที่ 1 ผสมปุ๋ยหมักลงในหลุมปลูก โดยใช้อัตราส่วนปุ๋ยหมักกับดิน เท่ากับ1:5 คลุกเคล้าให้เข้ากัน แล้วจึงนำกิ่งพันธุ์ไม้ผลลงปลูก เมื่อปลูกเสร็จแล้วควรทำการคลุกดินบริเวณโคนต้นด้วยฟางหรือหญ้าแห้ง
ระยะที่ 2 การใช้ปุ๋ยหมักระหว่างการเจริญเติบโตของต้นไม้ กล่าวคือ หลังจากปลูกไม้ผล หรือพืชไร่แล้ว ควรใส่ปุ๋ยหมักให้ปีละ 1 ครั้ง เพื่อช่วยปรับสภาพดินให้ร่วนซุย
A : การบำบัดน้ำชะขยะมูลฝอยด้วยกระบวนการทางชีววิทยา โดยส่วนใหญ่แล้วในประเทศไทยจะใชระบบบ่อปรับเสถียร (Stabilization Pond) ซึ่งเกณฑ์การออกแบบที่ใช้ทั่วไป มีดังนี้
พารามิเตอร์ในการออกแบบและใช้ตรวจสอบระบบบำบัดน้ำชะขยะมูลฝอยแบบบ่อปรับเสถียร
พารามิเตอร์
|
บ่อบำบัดแบบไร้อากาศ
(Anaerobic Pond) |
บ่อผึ่ง
(Facultative Pond) |
บ่อใช้อากาศ
(Aerobic Pond) |
บ่อบ่ม
(Maturation Pond) |
ความลึก (เมตร) |
2 – 4
|
2 – 3
|
0.2 – 0.6
|
1 – 1.5
|
ระยะเวลาเก็บกักน้ำ (Hydraulic Retention Time) (วัน) |
220 – 680
|
30 – 40
|
40 – 50
|
–
|
อัตราภาระบีโอดี (กรัม BOD5/ตารางเมตร/วัน) |
50
|
70 – 80
|
80 – 90
|
60 – 80
|
ประสิทธิภาพการลด BOD5 (ร้อยละ) |
50
|
70 – 80
|
80 – 90
|
60 – 80
|
pH |
6.5 – 7.5
|
6. 5 – 8.0
|
6.5 – 8.0
|
6.5 – 8.0
|
สารแขวนลอย (มิลลิกรัมต่อลิตร) |
30 – 150
|
30 – 150
|
30 – 200
|
30 – 300
|
การออกแบบระบบมักจะเริ่มด้วยการบำบัดโดยใช้บ่อบำบัดแบบไร้อากาศตามด้วยบ่อผึ่งตามด้วยบ่อใช้อากาศ และบ่อบ่มเพื่อตกตะกอนสาหร่ายและจุลินทรีย์ก่อนหมุนเวียนไปใช้ประโยชน์ในสถานที่กำจัดขยะมูลฝอย
ที่มา
- กรมควบคุมมลพิษ, การวิจัยและพัฒนาระบบกำจัดน้ำเสียจากมูลฝอยแบบประหยัดพื้นที่และค่าใช้จ่าย, 2543
- กรมควบคุมมลพิษ, คู่มือปฏิบัติการในการดูแลและเดินระบบฝังกลบขยะมูลฝอย, 2547
- กรมควบคุมมลพิษ, น้ำเสียชุมชนและระบบบำบัดน้ำเสีย, 2545
|
|
|
|
|
|
|
A7: 1. ประสบปัญหามลพิษ จะทำอย่างไรดี ปัญหามลพิษเกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ เช่น โรงงานอุตสาหกรรม สถานประกอบการ
อาคารบ้านเรือน การเกษตรกรรม รถยนต์ เป็นต้น ปัญหาดังกล่าวอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของหลายหน่วยงาน เช่น ปัญหามลพิษจากโรงงานอุตสาหกรรมอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของหน่วยงานสังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม ได้แก่ กรมโรงงานอุตสาหกรรม สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด และผู้ว่าราชการจังหวัด ตามพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 เหตุเดือดร้อนรำคาญจากสถานประกอบการ เช่น กลิ่นเหม็น ฝุ่นละออง เขม่าควัน สารพิษ เสียงดัง ความสั่นสะเทือน อยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของกรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เช่น เทศบาล องค์การบริหารส่วนตำบล ตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 ส่วนปัญหามลพิษจากแหล่งกำเนิดมลพิษที่ถูกควบคุมตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 อยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของกรมควบคุมมลพิษและผู้ซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าพนักงานควบคุมมลพิษ เช่น ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ ปศุสัตว์จังหวัด เป็นต้นดังนั้น หากได้รับความเดือดร้อนจากปัญหามลพิษดังกล่าว สามารถแจ้งร้องทุกข์ไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงข้างต้น หรืออาจแจ้งผู้ว่าราชการจังหวัดที่กำกับดูแลหน่วยงานในพื้นที่ อย่างไรก็ตาม หากปัญหาของท่านยังไม่ได้รับการแก้ไข หรือยังคงได้รับความร้อนอยู่ อาจแจ้งมายัง กรมควบคุมมลพิษ เพื่อประสานงาน ติดตามตรวจสอบ และดำเนินการตาม อำนาจหน้าที่ ตามแต่กรณี2. กรมควบคุมมลพิษ ช่วยอะไรท่านได้ กรมควบคุมมลพิษ เป็นหน่วยงานในสังกัดของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีอำนาจหน้าที่
3. แนวทางการดำเนินงานเรื่องร้องทุกข์ของกรมควบคุมมลพิษ
1. แหล่งกำเนิดมลพิษที่ต้องถูกควบคุมตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
พ.ศ. 2535
1.1 กรณีโรงงานอุตสาหกรรม เมื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วพบปัญหา จะต้องแจ้งกรมโรงงานอุตสาหกรรม หรือจังหวัด เพื่อดำเนินการตามพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 ก่อน หากหน่วยงานดังกล่าวไม่ดำเนินการ กรมควบคุมมลพิษ จึงจะดำเนินการตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม แห่งชาติ พ.ศ. 2535 ต่อไป
1.2 แหล่งกำเนิดอื่น เช่น ฟาร์มสุกร อาคารบางประเภทและบางขนาด (อาคารขนาดใหญ่) ที่ดินจัดสรร กรมควบคุมมลพิษหรือ ผู้ซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าพนักงานควบคุมมลพิษเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.2535 สามารถบังคับใช้กฎหมายได้โดยตรง
2. แหล่งกำเนิดมลพิษที่ไม่ถูกควบคุมตามข้อ 1 กรมควบคุมมลพิษจะทำหน้าที่ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมโรงงานอุตสาหกรรม สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด สำนักงานเขต กรุงเทพมหานคร เทศบาล องค์การบริหารส่วนตำบล เพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายแต่ละฉบับต่อไปเนื่องจาก กรมควบคุมมลพิษมีอำนาจหน้าที่จำกัด อีกทั้งไม่มีอำนาจในการสั่งปิดโรงงาน หรือสถานประกอบการ ดังนั้น การแก้ไขปัญหาเรื่องร้องทุกข์บางกรณีที่มีความซับซ้อน อาจต้องใช้เวลา และไม่สามารถดำเนินการแก้ไขภายในระยะเวลาที่กำหนด อย่างไรก็ตาม กรมควบคุมมลพิษมีความมุ่งมั่นที่จะประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมแก้ไขหรือบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนจากภาวะมลพิษเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน และรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสม
|
A : 1) โรงไฟฟ้า (ประกาศกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ เรื่อง กำหนดให้โรงไฟฟ้าเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษที่จะ ต้องถูกควบคุมการปล่อยทิ้งอากาศเสียออกสู่สิ่งแวดล้อม ประกาศกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2542 และประกาศกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ฉบับที่ 3 พ.ศ. 2544)
2) โรงโม่ บด หรือย่อยหิน (ประกาศกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ เรื่อง กำหนดให้โรงโม่ บด หรือย่อยหิน เป็นแหล่งกำเนิดมลพิษที่จะต้องถูกควบคุมการปล่อยฝุ่นละอองสู่บรรยากาศ
3) เตาเผามูลฝอย (ประกาศกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ เรื่อง กำหนดให้เตาเผามูลฝอยเป็นแหล่งกำเนิด มลพิษที่จะต้องถูกควบคุมการปล่อยทิ้งอากาศเสียออกสู่บรรยากาศ)
4) โรงงานเหล็ก (ประกาศกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ เรื่อง กำหนดให้โรงงานเหล็กเป็นแหล่งกำเนิด มลพิษที่จะต้องถูกควบคุมการปล่อยทิ้งอากาศเสียออกสู่บรรยากาศ)
5) เตาเผาศพ (ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดให้เตาเผาศพเป็น แหล่งกำเนิดมลพิษที่จะต้องถูกควบคุมการปล่อยทิ้งอากาศเสียออกสู่สิ่งแวดล้อม
6) เตาเผามูลฝอยติดเชื้อ (ประกาศกระทรวงทรัพยากรฯ เรื่อง กำหนดมาตรฐานควบคุมการปล่อยทิ้ง อากาศเสียจากเตาเผามูลฝอยติดเชื้อ)